วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561

สัปดาห์ที่2

 แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไป
จากหลักการเพื่อออกแบบการเรียนการสอนที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่จะแสดงได้ชัดเจนเพื่อการจัดการเรียนการสอนที่เป็นรูปธรรม คือ รูปแบบการออกแบบการเรียนการสอน (Instructional Design Model) ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นแนวทางให้ผู้สอนทุกคนสามารถดำเนินการสอนให้ได้มาตรฐานของการเรียนการสอนที่ใกล้เคียงกันแม้ว่าผู้สอนจะมีประสบการณ์ต่างกัน รูปแบบการออกแบบการเรียนการสอนประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ในการออกแบบระบบการเรียนการสอน ซึ่งมักจะเขียนในรูปแบบของผังแสดงลำดับการทำงาน (Flowchart) เพื่อแสดงรูปแบบให้เข้าใจได้ง่าย และรวดเร็ว โดยหลักการพื้นฐานในการออกแบบการเรียนการสอนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ แบบจำลอง ADDIE ที่มีองค์ประกอบ ๕ ขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นการวิเคราะห์
      การวิเคราะห์เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน ผู้ออกแบบจะต้องกำหนดความจำเป็นในการเรียน ทำการวิเคราะห์เนื้อหาหรือกิจกรรมการเรียนการสอน คุณลักษณะของผู้เรียน วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนเพื่อรวบรวมข้อมูล สำหรับใช้เป็นแนวทางในการกำหนดขอบเขตของบทเรียน ขั้นการวิเคราะห์ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ดังนี้
 1.1 วิเคราะห์ความจำเป็น (Need Analysis) คือการวิเคราะห์เพื่อกำหนดเลือกว่าควรจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับอะไร โดยอาจหาข้อมูลจากความต้องการของผู้เรียน หรืออาจหาข้อมูลจากการกำหนดความจำเป็น ปัญหาขัดข้อง หรืออุปสรรคที่ทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้และพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจัดการเรียนการสอน หากจำเป็นหรือสมควรจัด และควรจัดอย่าง
1.2 วิเคราะห์เนื้อหา หรือ กิจกรรมการเรียนการสอน (Content and Task Analysis) คือ การวิเคราะห์เพื่อจัดการเรียนการสอนให้ครอบคลุม หรือสอดคล้องกับความต้องการ ความจำเป็นในการเรียนการสอน โดยพิจารณาอย่างละเอียดด้านเนื้อหา มีการแบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย ๆ เพื่อให้มีความชัดเจน กำหนดเลือกกิจกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมที่จะให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.3 วิเคราะห์ผู้เรียน (Analyze Leamer Characteristic) เป็นการวิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นข้อมูลสำหรับการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน โดยควรวิเคราะห์ทั้งลักษณะทั่วไป เช่น อายุ ระดับความรู้ความสามารถ เพศ สังคม วัฒนธรรม เป็นต้น และควรวิเคราะห์ ลักษณะเฉพาะของผู้เรียนด้วย เช่น ความรู้พื้นฐาน ทักษะความชำนาญ หรือความถนัด รูปแบบการเรียน ทัศนคติ เป็นต้น
 1.4 วิเคราะห์วัตถุประสงค์ (Analyze Objective) วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน คือ จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ให้ผู้เรียนและผู้สอนรู้ว่าเมื่อเรียนบทเรียนนั้น ๆ แล้วจะเกิดการเรียนรู้อะไรบ้าง ดังนั้นการกำหนดจุดวัตถุประสงค์จึงต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดและรอบคอบ โดยอาจกำหนดจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายหลักของการเรียนการสอนก่อน แล้วจึงกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สามารถประเมินผลได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่าผู้เรียนบรรลุการเรียนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมแยกเป็น ๓ ด้าน คือ
 1) วัตถุประสงค์ด้านพุทธิพิสัย คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจ
2) วัตถุประสงค์ด้านจิตพิสัย คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับความรู้สึก ค่านิยม ทัศนคติ 
 3) วัตถุประสงค์ด้านทักษะพิสัย คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับการกระทำหรือการปฏิบัติ
1.5 วิเคราะห์สภาพแวดล้อม (Analyza Environment) วัตถุประสงค์การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการสอน เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าว่า สถานที่ เวลา และบริบทในการเรียนการสอนที่จะดำเนินการนั้นจะอยู่ในสภาพใด เช่น ขนาดห้องเรียน อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนที่จะใช้คืออะไร
2. ขั้นการออกแบบ
การออกแบบเป็นกระบวนการกำหนดว่าจะดำเนินการเรียนการสอนอย่างไร โดยมีการเขียนวัตถุประสงค์จัดทำลำดับขั้นตอนการเรียน กำหนดวิธีสอน เลือกสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมและกำหนดวิธีการประเมินผลว่าผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ขั้นการออกแบบประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ทั้งด้าน การระบุวัตถุประสงค์ ระบุวิธีสอน ระบุสื่อการสอน และระบุวิธีการประเมินผล
วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542หน้า 12-14) ได้กล่าวถึงบทบาทของผู้สอน
และผู้เรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบซิปปาไว้ดังนี้
1.บทบาทของผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบซิปปา สามารถสรุปบทบาทที่สำคัญ ๆ ได้ดังนี้
1.1 บทบาทด้านการเตรียมการ ประกอบด้วย
1.1.1 การเตรียมตนเอง ผู้สอนจะต้องเตรียมตนเองให้พร้อมสำหรับบทบาทของผู้เป็นแหล่งความรู้ (resource person) ซึ่งจะต้องให้คำอธิบาย คำแนะนำ คำปรึกษา ให้ข้อมูลความรู้ที่ชัดเจนแก่ผู้เรียน รวมทั้งแนะนำแหล่งความรู้ให้ผู้เรียนไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล
1.1.2 การเตรียมแหล่งข้อมูล ผู้สอนจะต้องเตรียมแหล่งข้อมูลความรู้
แก่ผู้เรียน ทั้งในรูปแบบของสื่อการเรียน ใบความรู้ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใช้ประกอบกิจกรรมในห้องเรียนหรือศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเองที่มีข้อมูลความรู้ที่ผู้เรียนสามารถเลือกศึกษาค้นคว้าตามต้องการ
1.1.3 การเตรียมกิจกรรมการเรียน ผู้สอนต้องวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนด ผู้สอนจะต้องวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้ได้สาระสำคัญและเนื้อหาความรู้ อันจะนำไปสู่การออกแบบกิจกรรม
การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยบทบาทของผู้สอนในส่วนนี้จะทำหน้าที่คล้ายผู้จัดการ (manager) กำหนดบทบาทการเรียนรู้และเป็นผู้กำหนดบทบาทให้ผู้เรียนทุกคน ได้มีส่วนเข้าร่วมทำกิจกรรมแบ่งกลุ่มหรือจับคู่
1.1.4 การเตรียมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ เมื่อออกแบบและกำหนดกิจกรรมการเรียนแล้ว ผู้สอนต้องพิจารณาและกำหนดว่า จะใช้สื่อใดบ้าง วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง เพื่อให้กิจกรรมการเรียนดังกล่าวบรรลุผล
1.1.5 การเตรียมการวัดและประเมินผล บทบาทในการเตรียมการอีกประการหนึ่งคือ การเตรียมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น โดยการวัดให้ตรงตามจุดประสงค์การเรียนรู้ และวัดให้ครอบคลุมทั้งในส่วนของกระบวนการ (process) และผลงาน (product) ที่เกิดขึ้นทั้งด้านพุทธิพิสัย (cognitive) จิตพิสัย (affective) และทักษะพิสัย (skill) โดยเตรียมวิธีการวัดและเครื่องมือวัดให้พร้อมก่อนทุกครั้ง
1.2 บทบาทด้านการดำเนินการ เป็นบทบาทของผู้สอนขณะที่ผู้เรียนกำลังดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย
1.2.1 การเป็นผู้ช่วยเหลือให้คำแนะนำปรึกษา (helper and advisor)
คอยให้คำตอบเมื่อผู้เรียนต้องการความช่วยเหลือ เช่นให้ข้อมูลหรือความรู้ในเวลาที่ผู้เรียนต้องการ เพื่อให้การเรียนรู้นั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1.2.2 การเป็นผู้สนับสนุนและเสริมแรง (supporter and encourage)
ช่วยสนับสนุนหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจเข้าร่วมกิจกรรม
1.2.3 การเป็นผู้ร่วมกิจกรรม (active participant) โดยเข้าร่วมกิจกรรม
ในกลุ่มของผู้เรียนพร้อมทั้งให้ความคิด และความเห็น หรือช่วยเชื่อมโยงประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เรียนขณะทำกิจกรรม
1.2.4 การเป็นผู้ติดตามตรวจสอบ (monitor) ตรวจสอบผลการทำงานตามกิจกรรมของผู้เรียน เพื่อให้ถูกต้องชัดเจนและสมบูรณ์ก่อนให้ผู้เรียนสรุปเป็นข้อความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้
1.2.5 การเป็นผู้สร้างเสริมบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นมิตร โดยการสนับสนุนเสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าร่วมทำงานกลุ่ม แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยเต็มที่ ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อภิปรายโต้แย้งแสดงความคิดเห็นด้วยท่วงทีนุ่มนวล ให้เกียรติและเป็นมิตร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป้าหมายของกลุ่มบรรลุความสำเร็จ
1.3 บทบาทด้านการประเมิน เป็นบทบาทที่ผู้สอนต้องดำเนินการ  เพื่อตรวจสอบว่าสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้บรรลุผลสำเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้หรือไม่  ทั้งนี้ครูควรเตรียมเครื่องมือและวิธีการให้พร้อมก่อนถึงขั้นการวัดและประเมินผลทุกครั้ง  และการวัดควรให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยเน้นการวัดตามสภาพจริง (authentic measurement) จากการปฏิบัติ และจากผลงาน ซึ่งในการวัดและประเมินผลนี้ นอกจากผู้สอนจะเป็นผู้วัดและประเมินผลเองแล้ว ผู้เรียนและสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ควรจะมีบทบาทร่วมวัดและประเมินตนเอง และกลุ่มด้วยสรุปได้ว่า บทบาทของผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบซิปปา  คือผู้สอนต้องมีการเตรียมการทั้งในส่วนตัว แหล่งข้อมูล กิจกรรมการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์  การวัดและประเมินผล และบทบาทที่เหมาะสมในการดำเนินการเรียนการสอน และการวัดผลด้วยการเก็บรวบรวมผลงาน และการวัดผลตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
2. บทบาทของผู้เรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบซิปปา สามารถสรุปบทบาทที่สำคัญ ๆ ได้ดังนี้
2.1 บทบาทการมีส่วนร่วมในการแสวงหาข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็นหรือประสบการณ์ต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อนำมาใช้ในการเรียนรู้
2.2 บทบาทในการศึกษาหรือลงมือกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อทำ ความเข้าใจ ใช้ความคิดในการกลั่นกรอง แยกแยะ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลข้อเท็จจริง
2.3 บทบาทในการจัดระบบระเบียบความรู้ที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อช่วยให้การเรียนรู้เกิดความคงทน และสามารถนำความรู้นั้นไปใช้ได้สะดวกขึ้น
2.4 บทบาทในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้การเรียนรู้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต นอกจากนั้นการประยุกต์ใช้จะช่วยตอกย้ำความเข้าใจและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เรียนในความรู้นั้น และการนำความรู้ไปใช้ยังก่อให้เกิดการเรียนรู้อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย
สรุปได้ว่า บทบาทของผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ก็มีความสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบซิปปา เช่นกัน คือเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน และยังพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์/จิตใจ สังคม และสติปัญญาได้อย่างเหมาะสม
จากบทบาทของผู้สอนและผู้เรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบซิปปา  หรือตามการประสาน 5 แนวคิดหลักของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะใช้แนวคิดใดในการจัดการเรียนรู้ก็ตาม การจัดการเรียนรู้จะประสบผลสำเร็จไม่ได้ หากผู้สอนไม่เปลี่ยนบทบาทของตนเองดังกล่าวข้างต้น ผู้สอนจำนวนมากยังเคยชินกับบทบาทเดิม คือการเป็นผู้บอกเล่า ถ่ายทอด อธิบายเนื้อหาความรู้ให้ผู้เรียน และผู้เรียนจำนวนมากก็เคยชินกับการเป็นผู้ฟัง รับความรู้และจำความรู้ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อผู้สอนและผู้เรียนทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็เปลี่ยนพฤติกรรม ผู้สอนเปลี่ยนพฤติกรรม การสอน และผู้เรียนก็เปลี่ยนพฤติกรรมการเรียน อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงก็คือผู้สอน เพราะผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนอยู่แล้ว เมื่อสภาพการเรียนการสอนเปลี่ยนไปผู้เรียนก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไป ตามสภาพที่จัดให้ ไม่ช้าก็เร็วขึ้นอยู่กับการปรับตัวของผู้เรียน และแรงเสริมได้รับจากผู้สอน
อ้างอิงจาก
วัฒนาพร  ระงับทุกข์. (2542).  แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (พิมพ์ครั้งที่  2).    กรุงเทพฯ:  ม.ป.ท.
        ในการพัฒนาระบบการเรียนการสอน นั้น มีแนวคิดเกี่ยวกับระบบที่นำมาใช้แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ การคิดเป็นระบบ (systematic thinking) และ วิธีการเชิงระบบ (system approach)
 การคิดเป็นระบบ หมายถึง การกำหนดองค์ประกอบและการจัดองค์ประกอบของระบบให้มี ความสัมพันธ์กันอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อน าไปสู่จุดมุ่งหมายที่กำหนด ระบบในลักษณะนี้จะมี ลักษณะเป็นผังการดำเนินงานหรือการท างานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน (ทิศนา แขมมณี,2555หน้า 200) 
 สำหรับวิธีการเชิงระบบ นั้น เป็นแนวคิดเชิงปฏิบัติ ที่ใช้ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นลำดับ ขั้นตอนและสมเหตุสมผลตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ คือการมองความสัมพันธ์ในเชิงสาเหตุและผล ซึ่งนำไปใช้ในการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ หากผลที่ได้ไม่สมบูรณ์ ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขใหม่จนกว่าจะได้ ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ (Romiszowski, 1981, p. 5)  วิธีการเชิงระบบนี้ประกอบด้วยกระบวนการพื้นฐาน 2 กระบวนการ คือ การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ การวิเคราะห์ เป็นการพิจารณาองค์ประกอบของ ระบบเดิมที่ต้องการปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนการสังเคราะห์ เป็นกระบวนการที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการ ค้นหาทางเลือกหรือกลวิธีต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจทำได้โดยการปรับปรุงความสัมพันธ์ของ
องค์ประกอบในระบบใหม่ หรือสร้างองค์ประกอบใหม่และสร้างความสัมพันธ์ขององค์ประกอบใหม่นั้น  (Kaufman cited in Richey, Klein, & Tracey, 2011, p. 18)
 ระบบการเรียนการสอน จึงพัฒนาขึ้นจากการวิเคราะห์องค์ประกอบของการเรียนการสอน และจัดองค์ประกอบเหล่านี้ให้สัมพันธ์กันตามองค์ประกอบเชิงระบบในรูปของ ตัวป้อน กระบวนการ ผลผลิต การควบคุมและข้อมูลป้อนกลับ ซึ่งนำเสนอในรูปของแผนภูมิตามความคิดสร้างสรรค์ของนัก ออกแบบระบบ  
ตัวอย่างของระบบการเรียนการสอน 
ในที่นี้ขอน าเสนอตัวอย่างของระบบการเรียนการสอนที่นักการศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ ประกอบการวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบระบบการเรียนการสอน 
   ระบบการเรียนการสอนของสงัด  อุทรานันท์ 
 สงัด  อุทรานันท์ (2533หน้า 24) ได้เสนอแนะองค์ประกอบที่สำคัญ ๆ ในระบบการเรียน การสอนไว้ 10 ประการด้วยกัน คือ
1) การรู้จักลักษณะของผู้เรียน
2) การตั้งจุดประสงค์ของการสอน
 3) การจัดเนื้อหาสาระที่จะสอน
 4) การเตรียมความพร้อม
5) การดำเนินการสอน
6) การสร้างเสริมทักษะ
 7) การจัดกิจกรรมสนับสนุน
 8) การควบคุมและตรวจสอบกระบวนการเรียนการสอน
 9) สัมฤทธิผลของการสอน
 10) การปรับปรุงแก้ไข     
       ระบบการเรียนการสอนของไทเลอร์ (Tyler)
 ไทเลอร์ (Tyler, 1949, p. 1) ได้ตั้งคำถามพื้นฐานสำหรับการหาคำตอบในการพัฒนาหลักสูตร และการเรียนการสอน ซึ่งนำไปสู่การกำหนดองค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนไว้ 3 ส่วน คือ  1) จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน 2) กิจกรรมการเรียนการสอน และ 3) การประเมินผลการเรียน     การสอนข้อมูลจากการประเมินผลนำไปใช้เป็นข้อมูลป้อนกลับในการพัฒนาระบบการเรียนการสอน   
ระบบการเรียนการสอนของเกอร์ลัคและอีลาย (Gerlach & Ely)
 เกอร์ลัคและอีลาย (Gerlach & Ely, 1971, p. 12) ได้กำหนดองค์ประกอบของระบบการเรียน การสอน ไว้ 10 ส่วนด้วยกัน คือ 1) การกำหนดจุดประสงค์ 2) การเลือกเนื้อหาสาระ 3) การประเมิน พฤติกรรมก่อนการเรียน 4) การกำหนดกลวิธีการสอน 5) การจัดกลุ่มผู้เรียน 6) การจัดเวลาเรียน          7) การจัดห้องเรียน 8) การเลือกแหล่งวิทยาการ 9) การประเมินผลการเรียน และ 10) การวิเคราะห์ข้อมูล ป้อนกลับ 
ระบบการเรียนการสอนของคลอสเมียร์ และริปเปิล (Klausmeier & Ripple)
คลอสเมียร์และริปเปิล (Klausmeier & Ripple, 1971, pp. 12-13) ได้กำหนดองค์ประกอบ ของระบบการเรียนการสอนไว้ 8 ส่วน คือ 1) การกำหนดจุดประสงค์ของการเรียนการสอน 2) การพิจารณา ความพร้อมของผู้เรียน 3) การจัดเนื้อหาวิชา วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ 4) การจัดกิจกรรมการเรียน การสอน 5) การดำเนินการเรียนการสอน 6) สัมฤทธิผลของผู้เรียน 7) การวัดและประเมินผลการเรียน การสอน และ 8) ข้อมูลป้อนกลับ 
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนของ โรมิสโซฟสกี (Romiszowski)

           โรมิสโซฟสกี (Romiszowski, 1981, p. 100) ได้ออกแบบระบบการจัดการเรียนการสอนในระดับ ชั้นเรียน (micro level) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การนิยามปัญหา 2) การวิเคราะห์ปัญหา 3) การ คัดเลือกและออกแบบการแก้ปัญหา 4) การนำไปใช้และทดสอบ และ 5) การประเมินและปรับปรุงผล การเรียน
           ระบบการออกแบบการเรียนการสอนแอร์ฟอร์ซ โมเดล (air force model)
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนนี้พัฒนาโดยกองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกา (U.S. Air force, 1975) เป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนินการที่ไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามลำดับขั้น แบบเส้นตรง แต่ละขั้นตอนมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ผลจากการดำเนินงานในแต่ละขั้นทำให้ได้ สารสนเทศที่จะนำไปใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงานในขั้นต่อไปได้ ระบบการออกแบบการเรียนการสอน นี้ให้ความสำคัญทั้งการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน ระบบการออกแบบการเรียนการสอน แบ่งเป็น 5 ขั้น ได้แก่ 1) การวิเคราะห์ความต้องการของระบบ 2) ระบุความต้องการในการฝึกอบรม   3) การพัฒนาจุดประสงค์และการทดสอบ 4) การวางแผน พัฒนาและตรวจสอบการเรียนการสอน และ 5) การประเมินการเรียนการสอน การดำเนินการของรูปแบบ
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนของเคมพ์ (Kemp model)
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนของเคมพ์เป็นระบบแบบวงจร ซึ่งไม่ได้จัดกระบวนการ ดำเนินงานเป็นขั้นตอนชัดเจน ดังนั้นผู้นำระบบนี้ไปใช้สามารถเริ่มต้นที่องค์ประกอบใดในระบบก่อนก็ได้ โดยเชื่อว่าผู้ออกแบบสามารถตัดสินใจเลือกดำเนินการได้เอง โดยให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ในการตัดสินใจดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ได้ด้วย  
          ระบบการออกแบบการเรียนการสอนเลเยอร์ออฟเนคเซสซิตี (layers-of-necessity)
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนนี้พัฒนาโดยเทสเมอร์และเวดแมน (Tessmer & Wedman,1990) การออกแบบคำนึงถึงเงื่อนไขของทรัพยากรและเวลาที่ใช้ในการออกแบบ ดังนั้นจึง จัดกระบวนการในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเงื่อนไขจากกระบวนการที่มีความซับซ้อนน้อยสู่ กระบวนการที่มีความซับซ้อนมาก ผู้นำระบบนี้ไปจัดการเรียนการสอนสามารถเริ่มต้นปฏิบัติงานใน ระดับใดก่อนก็ได้ตามเงื่อนไขที่เอื้ออำนวย และสามารถพัฒนาปรับเปลี่ยนไปสู่กระบวนการจัดการเรียน การสอนที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อเงื่อนไขของทรัพยากรและเวลาเพิ่มขึ้น
ระบบการออกแบบการเรียนการสอนแรปิดโปรโตไทปิง (rapid prototyping)

ระบบนี้พัฒนาขึ้นโดยทริปป์และบิเชลเมเยอร์ (Tripp & Bichelmeyer, 1990) ซึ่งเป็นนัก ออกแบบซอฟ์ทแวร์เพื่อการเรียนการสอน เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับการออกแบบซอฟ์ทแวร์การ เรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐาน เนื่องจากวิธีการเชิงระบบสำหรับการออกแบบการเรียนการสอน โดยทั่วไปเน้นประสิทธิภาพของผลผลิตมากกว่าประสิทธิภาพของกระบวนการ ดังนั้นจึงเป็นระบบการ ออกแบบการเรียนการสอนที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ระบบการออกแบบการเรียนการสอนนี้เน้นการพัฒนา ประสิทธิภาพของกระบวนการ และมองการออกแบบว่าเป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีวิธีการปฏิบัติงาน ซึ่งเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหา ออกแบบโครงสร้างการแก้ปัญหา นำไปทดลองใช้ น าข้อมูลจากการ ดำเนินการไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาระบบการติดตั้งซอฟ์ทแวร์ และการบำรุงรักษา ลักษณะของการ ปฏิบัติงานในแต่ละขั้นตอนมีความสัมพันธ์ในแนวราบ มุ่งเน้นการได้ข้อมูลจากการดำเนินงานในแต่ละ กิจกรรม เพื่อใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการให้ดีขึ้น  
จากระบบการเรียนการสอนที่นำเสนอข้างต้นนี้ จะเห็นว่า แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็น ระบบการเรียนการสอนตามแนวคิดแบบเดิม ที่นำเสนอองค์ประกอบการเรียนการสอนที่ตายตัวและจัด ความสัมพันธ์แบบเส้นตรง (linear)  ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นระบบการเรียนการสอนที่มีลักษณะยืดหยุ่น (dynamic) คำนึงถึงบริบทและความเป็นไปได้ในการน าระบบไปใช้ ไม่กำหนดขั้นตอนในการดำเนินการ ที่ตายตัว
          เมื่อวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบการเรียนการสอนของระบบการเรียนการสอนในกลุ่มแรกพบว่า องค์ประกอบการเรียนการสอนที่เป็นปัจจัยป้อนเข้า ประกอบด้วย จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา และ ผู้เรียน องค์ประกอบที่เป็นกระบวนการ ประกอบด้วย กระบวนการเรียนการสอน การจัดการห้องเรียน การใช้สื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการ การจัดเวลาเรียน องค์ประกอบที่เป็นผลผลิต ได้แก่ ผลสัมฤทธ์ทางการเรียน องค์ประกอบที่เป็นการควบคุม ได้แก่ การประเมินผลการเรียนการสอนและการ ประเมินผลผู้เรียน ทุกระบบมีการให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน ระบบการ เรียนการสอนที่เสนอในกลุ่มนี้ ระบบของทิศนา แขมมณี ได้เสนอปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมที่ควรนำมา พิจารณาในการดำเนินการ เช่น ด้านผู้เรียน ด้านสังคม ด้านชุมชน ด้านนโยบายของรัฐ เป็นต้น ระบบ การเรียนการสอนของโรมิสโซฟสกี เป็นระบบที่สะท้อนให้เห็นว่าระบบการเรียนการสอนคือการวางแผน เพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนได้ชัดเจนที่สุด
        สำหรับระบบการเรียนการสอนในกลุ่มที่สอง จะเห็นว่ามองระบบการเรียนการสอนเป็น แผนงานปฏิบัติในการเรียนการสอน และการบริหารจัดการเรียนการสอนที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นระบบการเรียนการสอนในกลุ่มนี้จึงอาจเรียกว่าเป็นระบบการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design model) คือแสดงวิธีการในการแก้ปัญหาหรือบริหารจัดการในการเรียนการสอน เช่น ระบบการ ออกแบบการเรียนการสอนแอร์ฟอร์ซ โมเดล  บางระบบนำเสนอทางเลือกในการดำเนินการในลักษณะ ต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการออกแบบการเรียนการสอน เช่น ระบบการออกแบบการเรียนการ สอนเลเยอร์ออฟเนคเซสซิตี ที่เห็นว่าการออกแบบการเรียนการสอนควรเริ่มต้นตามเงื่อนไขของ ทรัพยากรและเวลาที่มีอยู่ และสามารถพัฒนาไปใช้กระบวนการที่มีความซับซ้อนและคาดหวังผลลัพทธ์ ที่มากขึ้น เมื่อมีทรัพยากรและเวลามากขึ้น บางระบบก็อาจเป็นเพียงวิธีการแก้ปัญหาเท่านั้น มากกว่าจะ เรียกว่าเป็นระบบ เช่น ระบบการออกแบบการเรียนการสอนแรปิดโปรโตไทปิง จะเห็นว่าความคิดอย่างเป็นระบบ และวิธีการเชิงระบบที่นำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการ สอนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวคิดเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับจุดมุ่งหมายในการเรียน การสอน บริบทในการดำเนินงาน และขอบเขตของงานที่ทำ เช่น การพัฒนาแผนการเรียนการสอนของ ครู การพัฒนาโครงการสอน หรือการพัฒนาระบบการศึกษา เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สัปดาห์ที่15

คำถามท้ายบท1-3 คำถาม ท้ายบทบทที่ 1 1. เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาหา เรื่อง แนวคิดการออกแบบการเรียนรู้การสอนในบทที่ 1 ท่านคิดว่า การออกแบบการ...